การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาสมรรถนะสำหรับวิชาชีพทนายความในประเทศไทย โดยเป็นการศึกษาด้วยวิธีผสมผสาน (Mix Method) ระหว่างการเชิงปริมาณและการเชิงคุณภาพ ทั้งนี้การศึกษาด้วยวิธีเชิงปริมาณ ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยจูงใจ ปัจจัยสนับสนุน และสมรรถนะสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพทนายความในประเทศไทย โดยกลุ่มตัวอย่างคือผู้ประกอบวิชาชีพทนายความในประเทศไทยจำนวน ๓๙๘ ตัวอย่าง และเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ และการวิเคราะห์การถดถอยแบบพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ๑) ปัจจัยจูงใจในด้านความสำเร็จในการทำงาน ด้านการยอมรับนับถือ และด้านความก้าวหน้าในงานมีความสัมพันธ์กับสมรรถนะสำหรับวิชาชีพทนายความ ๒) ปัจจัยสนับสนุนในด้านความมั่นคง ด้านสถานภาพทางอาชีพ และด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมอาชีพ มีความสัมพันธ์กับสมรรถนะสำหรับวิชาชีพทนายความ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนการศึกษาเชิงคุณภาพด้วยวิธีการสนทนากลุ่ม (Focus Group) โดยมีการร่วมสนทนา คือ ทนายความอาวุโสผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน ๒๓ ท่าน พบว่าทุกภาคส่วนในสังคมควรส่งเสริมสนับสนุน การพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ ให้มีความรู้ทางด้านกฎหมาย ความสามารถในด้านการสื่อสารภาษาสากลและสร้างความตระหนักแก่ทนายความในการพัฒนาศักยภาพตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การปฏิบัติงานในวิชาชีพทนายความเกิดประสิทธิภาพสูงสุด อันจะนำมาซึ่งการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพให้เกิดการยอมรับในสังคม สร้างความเชื่อมั่นศรัทธา และดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของวิชาชีพทนายความจากผลการศึกษาครั้งนี้สามารถกำหนดแนวทางเสริมสร้างสมรรถนะให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาสมรรถนะสำหรับวิชาชีพทนายความในประเทศไทย โดยเป็นการศึกษาด้วยวิธีผสมผสาน (Mix Method) ระหว่างการเชิงปริมาณและการเชิงคุณภาพ ทั้งนี้การศึกษาด้วยวิธีเชิงปริมาณ ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยจูงใจ ปัจจัยสนับสนุน และสมรรถนะสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพทนายความในประเทศไทย โดยกลุ่มตัวอย่างคือผู้ประกอบวิชาชีพทนายความในประเทศไทยจำนวน ๓๙๘ ตัวอย่าง และเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ และการวิเคราะห์การถดถอยแบบพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ๑) ปัจจัยจูงใจในด้านความสำเร็จในการทำงาน ด้านการยอมรับนับถือ และด้านความก้าวหน้าในงานมีความสัมพันธ์กับสมรรถนะสำหรับวิชาชีพทนายความ ๒) ปัจจัยสนับสนุนในด้านความมั่นคง ด้านสถานภาพทางอาชีพ และด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมอาชีพ มีความสัมพันธ์กับสมรรถนะสำหรับวิชาชีพทนายความ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนการศึกษาเชิงคุณภาพด้วยวิธีการสนทนากลุ่ม (Focus Group) โดยมีการร่วมสนทนา คือ ทนายความอาวุโสผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน ๒๓ ท่าน พบว่าทุกภาคส่วนในสังคมควรส่งเสริมสนับสนุน การพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ ให้มีความรู้ทางด้านกฎหมาย ความสามารถในด้านการสื่อสารภาษาสากลและสร้างความตระหนักแก่ทนายความในการพัฒนาศักยภาพตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การปฏิบัติงานในวิชาชีพทนายความเกิดประสิทธิภาพสูงสุด อันจะนำมาซึ่งการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพให้เกิดการยอมรับในสังคม สร้างความเชื่อมั่นศรัทธา และดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของวิชาชีพทนายความจากผลการศึกษาครั้งนี้สามารถกำหนดแนวทางเสริมสร้างสมรรถนะให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ ภายใต้สภาพแวดล้อมการแข่งขันในปัจจุบัน

The purpose of the research aimed to study competency development for lawyer in Thailand. This study was used mix method between quantitative and qualitative research. A questionnaire was used as a tool for collecting data from 398 lawyers in Thailand. Statistic analyzing were multiple correlation analysis and multiple regression analysis. The results of this quantitative study found that 1) motivation factor in work achievement, recognition and work progress are related to lawyer competency. 2) support factorin stability, occupation status and relation colleague inoccupation are related to lawyer competency. For qualitative research was used focus group method and participate in this study from 23 law professionals. The results indicate that several organizational should supported and develop lawyer aboutlaw knowledge, international communication and building lawyer’s awareness for continuously self-development in order to effectiveness of lawyer and upper lawyer standard. The results of the research could be used as a guideline for the enhancing competency lawyer underlying the environment competitive in current situation.