กฎหมายว่าด้วยสิทธิของผู้บริโภคของประเทศอังกฤษซึ่งประกาศใช้บังคับในปี ค.ศ. ๒๐๑๕ กำหนดหลักเกณฑ์ของกฎหมายขึ้นใหม่ในการซื้อสินค้าหรือใช้บริการ โดยผู้บริโภคที่ซื้อสินค้ามีสิทธิในการบอกปัดไม่รับสินค้า สิทธิในการให้มีการซ่อมแซมหรือการเปลี่ยนสินค้า และสิทธิในการขอให้ปรับลดราคาสินค้า ส่วนผู้บริโภคที่ใช้บริการอาจร้องขอให้มีการบริการน้ำหรือลดราคาค่าบริการได้ ผลของกฎหมายไม่เพียงแต่ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการซื้อสินค้าหรือใช้บริการ แต่รวมไปถึงการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศไทยเองมีพัฒนาการคล้ายกับกฎหมายของประเทศอังกฤษ แต่พบว่าผู้บริโภคเองยังใช้สิทธิได้อย่างจำกัด การนำกฎหมายของประเทศอังกฤษดังกล่าวมาปรับใช้กับกฎหมายของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นการกำหนดสิทธิของ ผู้บริโภค การคุ้มครองผู้บริโภคจากการซื้อสินค้าในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลหรือจากการให้บริการ ก็จะช่วยให้กฎหมายของประเทศไทยมีความทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันยิ่งขึ้น โดยอาจต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค และผลกระทบด้านเศรษฐกิจประกอบด้วย

Consumer Rights Act 2015 provides new rules when buying goods or services. Consumers may exercise the right to reject faulty goods, the right to repair or replacement and the right to price reduction. The rights are also available for services which consumers can ask for repeat performance and price reduction. The outcome of this law not only brings confidence to consumers but also enhances the growth of economics. Consumer protection laws in Thailand have shared quite the same experiences of development as in England. However, in Thailand, consumers still have limited rights. Applying legal principles under Consumer Rights Act 2015, such as stipulating new consumer rights and offering protection for the purchase of digitised products or other services to consumer protection laws in Thailand, shall modernise and make the laws more aligned with the present time. Nevertheless, this will need an in-depth analysis of consumer behaviours and economic impacts in Thailand.