ในปัจจุบันการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย อย่างไรก็ดี ด้วยลักษณะพิเศษของสินทรัพย์ดิจิทัล ทําให้การจัดเก็บภาษีเงินได้ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงมีความไม่ชัดเจน โดยเฉพาะในกรณีของการแยกบล็อกเชน(“Hard Fork” หรือ “Network Split”) ซึ่งส่งผลทําให้ผู้ถือสินทรัพย์ดิจิทัลบนเครือข่ายเดิมได้รับ สินทรัพย์ดิจิทัลสกุลใหม่เป็นจํานวนเท่ากับสินทรัพย์ดิจิทัลสกุลเดิมที่ถืออยู่ เช่น เดิมที นาย ก เป็นเจ้าของ 1 Bitcoin (BTC) แต่ภายหลังจากที่เกิด Hard Fork นาย ก จึงเป็นเจ้าของ 1 BTC และ 1 Bitcoin Cash (BCH) เป็นต้น จึงมีปัญหาว่าเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งได้รับ เหรียญสกุลใหม่จากกระบวนการ Hard Fork จะถือว่ามีเงินได้พึงประเมิน ณ วันที่ได้รับสินทรัพย์ ดิจิทัลสกุลใหม่ ซึ่งต้องนําไปคํานวณรวมเพื่อเสียภาษีเงินได้หรือไม่ บทความนี้จึงเสนอแนวทาง การตีความกฎหมายกําหนดสถานะและการจัดเก็บภาษีเงินได้จากการได้รับสินทรัพย์ดิจิทัล สกุลใหม่ภายใต้กระบวนการ Hard Fork ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น

Currently, digital assets investment becomes popular worldwide, including in Thailand. However, due to the unique nature of digital assets, the taxation relatedto digital assets remains unclear, especially in cases of “Hard Fork” or “Network Split”, which results in holders of digital assets on the original blockchain receiving a new type of digital asset in an amount equivalent to the original digital assets they hold. For example, if Mr. A owns 1 Bitcoin (BTC) and a Hard Fork occurs, Mr. A would then own 1 BTC and 1 Bitcoin Cash (BCH). The issue is whether the owners of digital assets, who receive new coins from a Hard Fork, should be considered to have received an assessable income subject to income tax at the time they receive the new digital assets. This article proposes a clearer interpretation of the legal status and tax collection from receiving new digital assets under the Hard Fork process.