วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคําวินิจฉัยที่ ๔/๒๕๖๓ ว่า ประมวล กฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๑ (เดิม) ซึ่งกําหนดให้หญิงที่ทําให้ตนแท้งลูกหรือยินยอมให้ผู้อื่น ทําให้ตนแท้งลูกเป็นความผิด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๘ อันเป็นผลให้คณะรัฐมนตรี มีมติให้ปรับปรุงบทบัญญัติความผิดฐานทําให้แท้งลูก ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาจนมาเป็น พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๔) พ.ศ. ๒๕๖๔ แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๓๐๑ และ ๓๐๕ และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ บทความนี้ กล่าวถึงเจตนารมณ์ หลักการและเหตุผลอันเป็นที่มาของกฎหมายนี้ โดยศึกษาถึงประวัติ ความเป็นมาของกฎหมายอาญาว่าด้วยความผิดฐานทําแท้งในประเทศไทย ปัญหาสังคม อันเกี่ยวเนื่องด้วยการทําแท้ง แนวคิดเรื่องสิทธิในการทําแท้งตามกฎหมายระหว่างประเทศปัญหาอันนํามาสู่การยื่นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ผลของคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การพิจารณาร่างกฎหมายในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกาและชั้นรัฐสภา จากประสบการณ์ ของผู้เขียนที่มีโอกาสได้เข้าร่วมการพิจารณาชั้นดังกล่าว และสุดท้ายจะกล่าวถึงข้อพิจารณา ในการปรับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๑ และ ๓๐๕ ปัจจุบัน

On 19 February 2020, the Constitutional Court of Thailand handed down Decision no. 4/2563 and ruled that the former Section 301 of the Criminal Code of Thailand, which stipulates that an act of a woman causing herself to be aborted or allowing another person to procure an abortion for herself constitutes a crime, is in violation with Section 28 of the Constitution of Thailand. Consequently, the Cabinet passed a resolution to amend relevant laws. The Amendment of the Criminal Code Act (No. 28) B.E. 2564, amending Sections 301 and 305 of the Criminal Code came into force on 7 February 2021. This article explores the spirit, principles and rational behind the amendment of the Criminal Code. It also studies the history of abortion crime in Thai criminal law, social problems relating to pregnancy and abortion, concept of right to safe abortion in international laws, the complaint filed to the Constitutional Court, the Constitutional Courtûs decision, the discussion on the amendment at the Council of State and in the Parliament. Lastly, it discusses the application and implication of the amendment in the Thai context.